ถ้าลองสังเกต URL ของเว็บไซต์ดู บางเว็บไซต์ขึ้นต้นด้วย http:// ในขณะที่บางเว็บไซต์เป็น https:// ซึ่งคุณอาจสงสัยว่า HTTPS คืออะไร แล้วมันแตกต่างจาก HTTP เฉยๆ อย่างไร คำตอบก็คือ HTTPS จะเป็นเว็บไซต์ที่ปลอดภัยกว่าเว็บไซต์ที่ขึ้นต้นด้วย HTTP ซึ่งการที่มีตัว S ข้างหลัง หมายความว่าเว็บไซต์นั้นได้มีการติดตั้ง SSL Certificate โดบบทความนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกันว่า SSL คืออะไร
SSL คืออะไร
SSL (Secure Sockets Layer) คือ Protocol ที่ช่วยเข้ารหัสข้อมูลระหว่างผู้ใช้และ Server ของเว็บไซต์ เพื่อป้องกันการแอบโจรกรรมข้อมูลจากบุคคลที่สาม ซึ่งถ้าเว็บไซต์ไหนติดตั้ง SSL ตัว URL จะขึ้นเป็น HTTPS ทำให้ผู้ใช้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน ที่อยู่ หรือข้อมูลบัตรเครดิต จะไม่ถูกขโมย
ในปัจจุบันบาง Browser จะขึ้นเตือนขึ้นมาเลยว่าเว็บไซต์ที่คุณกำลังเปิดนั้นได้ติดตั้ง SSL (Secure Sockets Layer) หรือเปล่า ถ้าไม่ได้ติดตั้ง ก็จะเตือนว่าเว็บไซต์นี้อาจไม่มีความปลอดภัยเพียงพอ

เปรียบเทียบเว็บไซต์ที่มี SSL กับไม่มี SSL
เปรียบเทียบ | ไม่มี SSL (HTTP) | มี SSL (HTTPS) |
---|---|---|
ความปลอดภัย | ข้อมูลถูกส่งแบบไม่เข้ารหัส เสี่ยงถูกดักจับ | ข้อมูลถูกเข้ารหัส ปลอดภัยจากการดัก |
ความน่าเชื่อถือ | อาจขึ้นแจ้งเตือนว่า “ไม่ปลอดภัย” บนเบราว์เซอร์ | มีสัญลักษณ์แม่กุญแจ แสดงถึงความปลอดภัย |
SEO Ranking | Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์นั้นน้อยกว่า | Google มองว่าเว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือ |
โฆษณา PPC | อาจถูกปฏิเสธโฆษณาในบางแพลตฟอร์ม | ผ่านเกณฑ์ของ Google Ads และ Facebook Ads |
ซึ่งหากคุณเริ่มคิดว่าการมี SSL ก็น่าสนใจและเป็นประโยชน์แต่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย แนะนำให้เลื่อนอ่านต่อไปก่อนเพราะเดี๋ยวเราจะแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับ SSL แบบไม่เสียเงินด้วย ซึ่งถ้าธุรกิจไหนจะเอาเว็บไซต์ไปทำ SEO หรือทำโฆษณา PPC แต่ไม่อยากของบบริษัทเพิ่มสำหรับติดตั้ง SSL ก็สามารถเริ่มต้นด้วย SSL แบบฟรี ได้เลย
เว็บไซต์รูปแบบไหนควรติดตั้ง SSL?
จริง ๆ แล้ว ทุกเว็บไซต์ควรติด SSL เพราะ Browser และ Search Engine อย่าง Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่ปลอดภัย เพราะฉนั้นถ้าคุณวางแผนจะเอาเว็บไซต์ไปทำการตลาดออนไลน์ หรือโฆษณาออนไลน์ ไม่ว่าจะทำเองหรือทำกับดิจิทัลเอเจนซี่ ก็ควรติด SSL Certificate ไว้ แต่ถ้าจะเจาะจงเป็นประเภทเว็บไซต์เลยก็อาจแบ่งได้ตามนี้
- เว็บไซต์ E-commerce – เว็บขายของออนไลน์ที่มีการลงทะเบียนและรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตหรือช่องทางอื่น
- เว็บไซต์ที่มีระบบ Sign In – เช่น WordPress หรือเว็บอื่นๆ ที่ต้องใช้บัญชีผู้ใช้ในการเข้าระบบ
- เว็บไซต์ธุรกิจ – เพิ่มความน่าเชื่อถือให้ลูกค้า
- เว็บไซต์ที่เก็บข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ – เช่น เว็บไซต์ธนาคาร เว็บไซต์หน่วยงานรัฐบาล เว็บไซต์โรงพยาบาล เว็บไซต์โรงเรียน
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่พัฒมาจากแพลตฟอร์มอะไรก็ตามควรพิจารณาการติดตั้ง SSL ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ WordPress, เว็บไซต์ Wix, Magento, Laravel หรือเว็บไซต์ที่เขียนขึ้นเอง อย่างที่ Pacy Media เวลาเราให้บริการพัฒนาเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน เราก็จะติดตั้ง SSL ตัวพื้นฐานให้ด้วย
SSL Certificate มีกี่แบบ
ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้และเริ่มคิดว่า SSL อาจจะจำเป็นต่อเว็บไซต์ของคุณ ก็ถึงเวลามาอ่านเพิ่มกันอีกสักนิดเกี่ยวกับประเภทของ SSL เพราะ SSL ก็มีหลายประเภท ซึ่งแตกต่างกันตามระดับของความปลอดภัย
- Domain Validation (DV SSL) – เป็นการตรวจสอบแค่ชื่อโดเมน ใช้งานง่าย ราคาถูก เหมาะสำเว็บไซต์ Blog หรือ Informative ทั่วไป
- Organization Validation (OV SSL) – ตรวจสอบยืนยันตัวตนขององค์กร เหมาะสำหรับเว็บไซต์บริษัท
- Extended Validation (EV SSL) – ให้ความน่าเชื่อถือสูงสุด มีการตรวจสอบองค์กรเชิงลึก แสดงชื่อบริษัทในแถบเบราว์เซอร์
- Wildcard SSL – สำหรับเว็บไซต์ที่มี Sub-Domain หลายโดเมน
- Multi-Domain SSL – สำหรับเว็บไซต์ที่มีหลายโดเมนในใบรับรองเดียว
รู้ไหม SSL แบบฟรี กับเสียเงิน ต่างกันอย่างไร
การติดตั้ง SSL Certificate มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน ซึ่งควรเลือกใช้ในรูปแบบที่เหมาะกับธุรกิจ เพราะนอกจากเรื่องราคาแล้ว ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ทั้งเรื่องความปลอดภัย และ เรื่องการรีบประกันความเสียหายด้วยเช่นกัน
แบบฟรี – Let’s Encrypt
- Let’s Encrypt คือ SSL ที่ฟรี 100% ไม่มีค่าใช้จ่าย
- เป็นการรับรองแบบ Domain Validation (DV SSL)
- ขึ้นแสดงผลเป็น HTTPS ช่วยให้เว็บไซต์ปลอดภัยขึ้น
- อายุใบรับรองครอบคลุม 90 วัน อาจต้องต่ออายุบ่อยหน่อย แต่บางผู้ให้บริการก็สามารถตั้งค่าให้ต่ออัตโนมัติได้ ต้องลองสอบถามเงื่อนไขและระบบของผู้ให้บริการเพิ่มเติม
- รองรับเว็บไซต์ทั่วไป เหมาะสำหรับเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง
แบบเสียเงิน
- ราคาอยู่ในช่วง 1,000 – 30,000 บาทต่อปี อยู่ที่รูปแบบ บริการ และระดับความปลอดภัย
- ระยะเวลาในการต่อเป็น 1-2 ปี
- มีการรับประกันความเสียหายถ้าถูกโจรกรรมข้อมูล ประมาณ $10,000 – $1,500,000 ขึ้นอยู่กับประเภท
- บางผู้ให้บริการจะมีบริการ Support ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจาก SSL
- นำข้อมูล Certificate ไปประกอบการขอเปิด Payment Gateway กับธนาคารได้
SSL มีผลต่อการทำ SEO และโฆษณา PPC ไหม
ก่อนปิดจบบทความนี้เราขอแชร์อีก 1 เรื่องที่ลูกค้ามักสอบถามกับทาง Pacy Media ว่า SSL ส่งผลต่อการทำ SEO และ PPC มากน้อยแค่ไหน หรือจำเป็นต้องติดตั้งก่อนเริ่มใช้บริการรับทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google ไหม คำตอบคือ “ส่งผลมาก สำคัญมาก และจำเป็นมาก”
- ในด้าน SEO – Google จะเน้นเรื่องความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย เพราะ Google ก็ไม่อยากให้คนที่เข้ามาค้นหามาเจอกับเว็บไซต์ที่เสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมข้อมูล ดังนั้นการติดตั้ง SSL จำเป็นต่อการทำ SEO อย่างมาก
- ในด้าน PPC – แพลตฟอร์มโฆษณาอย่าง Facebook Ads หรือ Google Ads เองก็ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้ใช้เช่นกัน หลายระบบโฆษณาจึงมีการกำหนดไว้ว่าการมี SSL หรือการทำให้ลิงก์เว็บไซต์เป็น HTTPS เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้โฆษณาได้รับการอนุมัติ
หากอ่านจบแล้วแต่ยังมีคำถามเรื่อง SSL ที่เกี่ยวข้องกับการทำการตลาดออนไลน์ หรือการทำเว็บไซต์ให้น่าเชื่อถือและปลอดภัยยิ่งขึ้น สามารถติดต่อทีมงานของ Pacy Media เพื่อคุยกันเพิ่มเติมได้เลยผ่าน Line OA: @pacymedia
แชร์ความรู้นี้บน Social Media