เว็บไซต์ WordPress คืออะไร เหมาะกับการใช้งานแบบไหน

เว็บไซต์ WordPress คืออะไร เหมาะกับการใช้งานแบบไหน

เนื่องจากในปัจจุบันมีตัวเลือกการสร้างเว็บไซต์หลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน ตั้งแต่แพลตฟอร์มที่เป็นเว็บไซต์สำเร็จรูป, เว็บไซต์ที่เป็นระบบ CMS อย่าง WordPress, ระบบ E-Commerce อย่าง Shopify หรือจะ WordPress เองก็มี E-Commerce เช่นกัน ไปจนถึงเว็บไซต์ที่เขียนโค้ดขึ้นเองทั้งหมด บทความนี้เราเลยจะมาแชร์ว่าถ้ามองเป็นภาพใหญ่ๆ แล้ว เว็บไซต์มีกี่ประเภท โดยจะโฟกัสที่ WordPress เป็นหลัก ปูพื้นตั้งแต่ WordPress คืออะไร ราคาค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเท่าไหร่ ประโยชน์ ข้อเสีย และข้อควรระวัง

พร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย!

3 ประเภทของเว็บไซต์

แน่นอนว่าประเภทของเว็บไซต์อาจจะมีมากกว่านี้ แต่เราขอสรุปเป็นภาพรวมใหญ่ๆ เพื่อให้เข้าใจง่าย

ประเภทของเว็บไซต์
3 ประเภทของเว็บไซต์
  1. ระบบเว็บไซต์สำเร็จรูป: คือระบบเว็บไซต์ที่มีระบบสร้าง Template สำเร็จรูปหลักๆ ไว้หมดแล้ว เราแค่คลิกเลือกดีไซน์ และใส่เนื้อหา ก็สามารถออกมาเป็นเว็บไซต์ได้เลย โดยเว็บไซต์สำเร็จรูปจะไม่สามารถแก้ไขโค้ดหรือปรับโครงสร้างอะไรได้เลย อาจปรับดีไซน์ได้เล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีเวลาดูแลเว็บไซต์ เน้นเรื่องความง่าย เร็ว ไม่ต้องยุ่งกับโค้ด ตัวอย่างระบบเว็บไซต์แบบนี้ เช่น Wix
  2. ระบบที่มีโครงสร้างพื้นฐาน นำไปพัฒนาต่อได้: คือระบบเว็บไซต์ที่มีระบบหลังบ้าน โครงสร้างพื้นฐานและการวางระบบเบื้องต้นให้อย่างระบบ​ CMS (Content Management System) โดยยังมีส่วนที่เปิดให้พัฒนาเองต่อได้ เช่น WordPress โดยระบบเว็บไซต์อย่าง WordPress จะสามารถ Customize ปรับแต่งเพิ่มเติมได้ตามความต้องได้พอสมควร แต่ก็ตามมาด้วยสิ่งที่ต้องดูแลโดยผู้ที่มีประสบการณ์หรือมีความรู้เกี่ยวกับระบบเบื้องต้น
  3. ระบบเว็บที่เขียนขึ้นเองใหม่ทั้งหมด: เว็บไซต์ลักษณะนี้สามารถสร้างได้ตามต้องการทั้งหมด โดยโครงสร้างและระบบทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับโปรแกรมเมอร์เลยว่าจะวางโครงสร้างอย่างไร จะใช้งานง่ายหรือยาก จะมีระบบหลังบ้านหรือไม่ จะมีระบบ CMS หรือเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับโปรแกรมเมอร์ เว็บไซต์ประเภทนี้ควรได้รับการดูแลโดยผู้ที่มีความชำนาญในระบบนั้นๆ

เว็บไซต์ WordPress จะอยู่กึ่งกลางระหว่างแบบที่ 1 และแบบที่ 3 ทำให้ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง เนื่องจากจะได้เว็บไซต์ที่สามารถ Customize ได้ในระดับหนึ่ง มีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ได้มาตรฐาน ดูแลไม่ยาก และมีแหล่งความรู้ให้ศึกษาค่อนข้างเยอะ

นอกจากนี้ WordPress จะตอบโจทย์การใช้งานด้านการตลาดออนไลน์ได้เป็นอย่างดี ทั้งด้านการทำคอนเทนต์ การอัปเดตเนื้อหา ไปจนถึงศักยภาพในการทำ SEO ทำให้การใช้บริการรับทำ SEO มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

เว็บไซต์ WordPress คืออะไร

WordPress คือ ระบบเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างพื้นฐานมาให้พร้อมแล้ว เช่น ระบบหลังบ้านที่เป็น CMS สามารถให้โปรแกรมเมอร์เข้ามาพัฒนาต่อยอดเพื่อให้ได้เว็บไซต์ที่ต้องการ โดยจะทำงานผ่านการใช้ Theme (รูปแบบและดีไซน์หลักของเว็บไซต์) และ Plugin (ฟังก์ชันเสริม)

ระบบ CMS (Content Management System) คือ ระบบที่จัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่มีความสำคัญมาก เนื่องจากจะช่วยให้เนื้อหาต่างๆ ถูกจัดการได้อย่างเป็นระบบ โดยเนื้อหาของ WordPress ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ

  1. Posts คือ เนื้อหาในส่วนของ บทความ ข่าวสาร บล็อก
  2. Pages คือ หน้าต่างๆ ของเว็บไซต์ เช่น หน้าโฮม เกี่ยวกับเรา ติดต่อ
  3. Products คือ หน้าสินค้า (สำหร้บเว็บไซต์ที่เพิ่มระบบ E-Commerce)

WordPress เหมาะกับการใช้งานแบบไหน

  • เหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการความรวดเร็วในการพัฒนา แต่ยังสามารถ Customize ได้ และมีโครงสร้างหลักเป็นไปตามมาตรฐานสากลที่เว็บไซต์ควรจะเป็น
  • เหมาะกับธุรกิจทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ แต่อาจไม่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องใช้ฐานข้อมูลจำนวนมากหรือ Big Data ในการดำเนินการ
  • เหมาะกับธุรกิจที่ไม่ต้องการมีทีม IT ขนาดใหญ่เพื่อดูแลเว็บไซต์ เนื่องจากระบบ WordPress Core จะมีการอัปเดตเวอร์ชันใหม่ๆ ตลอดอยู่แล้ว
  • เหมาะกับเว็บไซต์ Informative ที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสินค้ากับบริการ
  • เหมาะกับเว็บไซต์ E-Commerce ระดับเล็กถึงระดับกลาง
  • เหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการสร้าง Online Catelogue หรือ Product Listing
  • เหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการเน้นเรื่องการตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะการทำ SEO (Search Engine Optimization)
  • เหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการ Optimize เรื่องความเร็วในการโหลด หรือ Pagespeed

ราคาของเว็บไซต์ WordPress

ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นของเว็บไซต์ WordPress เรียกว่าฟรีเลยก็ได้ เพราะ WordPress เปิดให้ผู้เริ่มต้นเข้าไปลงทะเบียนใช้บริการฟรีได้เลยที่ https://wordpress.com ซึ่งจะเหมาะกับ Blogger ที่อยากเริ่มต้นทดลองใช้ระบบดูว่าทำงานอย่างไร เพราะระบบจะมี Theme และ Plugin ที่ฟรีให้ดาวน์โหลดมาใช้ได้

แต่สำหรับบริษัทหรือองค์กรต่างๆ ที่ต้องการพัฒนาเว็บไซต์เพื่อใช้งานจริงจัง โดยเฉพาะเรื่องภาพลักษณ์, UX/UI และประสิทธิภาพในการทำการตลาดออนไลน์ ก็อาจต้องติดตั้ง WordPress ผ่าน Server ซึ่งค่าเช่า ​Server เฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 4,000 บาท และหากต้องการใช้บริการโปรแกรมเมอร์ในการพัฒนา ก็จะเริ่มต้นที่ประมาณ 25,000 บาท ขึ่นอยู่กับฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์

สรุปคือ หากต้องการใช้บริการรับทำเว็บไซต์ WordPress ก็อาจต้องเตรียมงบค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 20,000-30,000 บาท

ที่ Pacy Media ราคาค่าพัฒนาเว็บไซต์ WordPress จะเป็นค่าบริการแบบชำระครั้งเดียว โดยค่ารายปีหลักๆ ก็จะเป็นค่า Server และ Domain หรือหากต้องการให้ทีมผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแล Maintenance ต่อก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ประโยชน์และข้อดีของ WordPress

  • สามารถ Customize และปรับแต่งได้พอสมควร เหมาะกับการทำ SEO เมื่อเทียบกับเว็บไซต์สำเร็จรูปที่ปรับแต่งได้น้อยมากหรือไม่ได้เลย
  • ระบบพื้นฐานสามารถปรับเรื่อง Pagespeed ได้ดี (ขึ้นอยู่กับโปรแกรมเมอร์ที่พัฒนาต่อยอดด้วย เพราะหากไม่ได้ Optimize ตั้งแต่ต้นก็อาจปรับได้ยาก)
  • สามารถเริ่มพัฒนาในราคาที่จับต้องได้ เพียง 20,000-30,000 บาท หรือต่ำกว่านี้หากเป็นเว็บไซต์แบบหนึ่งหน้า
  • ใช้เวลาในการพัฒนาไม่นานมาก โดยเฉลี่ย 3-5 สัปดาห์
  • สามารถดูแลได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเป็น แต่อาจต้องเข้าใจในระบบเบื้องต้น
  • มีแหล่งความรู้ที่ใหญ่ ได้รับความนิยมสูงทั่วโลก ทำให้หาคนมาดูแลหรือพัฒนาต่อได้ไม่ยาก
  • สามารถเริ่มสร้างเว็บไซต์ E-Commerce ได้เลย พร้อมระบบ Online Payment ที่รองรับไปถึงการตัดบัตรเครดิต
  • สามารถใช้ Template พื้นฐานได้ถ้าพอใจ หรือจะ Develop เขียนโค้ดขึ้นมาใหม่ทั้งหมดโดยใช้โครงสร้างพื้นฐานของ WordPress เลยก็ได้
  • สามารถติดตั้งระบบอื่นๆ ในการวิเคราะห์ผล เช่น การติดตั้ง Google Analytics ได้ง่าย

ข้อเสียของ WordPress

  • ระบบจะมีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา ทั้ง Core WordPress, Theme และ Plugin เพื่อเพิ่ม Feature รวมไปเพิ่มระบบด้านความปลอดภัย อุดช่องโหว่ที่แฮกเกอร์อาจเข้ามาได้ โดยการอัปเดตเวอร์ชันจำเป็นทำโดยผู้ที่มีความรู้
  • ทาง WordPress จะไม่มีทีม Support การใช้งานเชิงลึก จำเป็นต้องมีผู้ที่เข้าในระบบและโค้ดเบื้องต้นเพื่อดูแลเมื่อเกิดปัญหา
  • การ Customize บางส่วนจำเป็นต้องใช้โค้ด
  • จำเป็นต้องจัดการเรื่อง Server และการ Backup ข้อมูลด้วยตัวเอง หรือต้องมีผู้ดูแลในส่วนนี้ (ถ้าเลือกผู้ให้บริการ Server ดีๆ ก็จะได้รับการดูแลในส่วนนี้ให้)

WordPress ตอบโจทย์ไหมหากต้องการเพิ่ม Organic Traffic

Organic Traffic คือผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เข้ามาแบบธรรมชาติ โดยที่เราไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาแบบ PPC (Pay Per Click) เช่น การใช้บริการรับทำโฆษณา Google Ads ซึ่ง Organic Traffic ส่วนใหญ่จะมาจากการทำ SEO เป็นหลัก

WordPress ถือเป็นหนึ่งในระบบที่เหมาะสำหรับการทำ SEO เป็นอย่างมาก (หากวางโครงสร้างตอนเริ่มต้นถูกต้อง) เพราะสามารถปรับแต่งได้ในหลายด้าน สามารถลองอ่านเพิ่มได้ที่ การทำ SEO WordPress

เปรียบเทียบ WordPress กับ Wix ด้าน SEO
เปรียบเทียบประสิทธิภาพ WordPress กับ Wix ด้านการทำ SEO

ข้อมูลที่ทาง Ahrefs ได้เก็บและเปรียบเทียบระหว่าง WordPress กับ Wix จะเห็นได้ค่อนข้างชัดว่า จากเว็บไซต์ตัวอย่างทั้งหมด มี 46.1% ของเว็บไซต์ WordPress ที่มี ​Organic Traffic เข้ามา ในขณะที่ 1.4% ของเว็บไซต์ Wix มี Organic Traffic เข้ามา

ด้วยข้อแตกต่างเชิงเทคนิคที่ WordPress สามารถปรับแต่งให้ตอบโจทย์ Google Algorithm ได้มากกว่า WordPress จึงได้รับความนิยมสำหรับธุรกิจที่ต้องการมีเว็บไซต์ให้เกิดประโยชน์ทางด้านการตลาดแบบจริงจัง

ข้อควรระวังในการพัฒนาเว็บไซต์ WordPress

บางคนอาจอ่านคร่าวๆ ว่า WordPress ดี และตัดสินใจไปพัฒนาเว็บไซต์ WordPress เลย แต่เราอยากให้ได้ลองอ่านข้อควรระวังนี้ดูก่อนเพื่อเป็นประโยชน์ในการสร้างเว็บไซต์ที่ดีตั้งแต่วันแรก

  • คุณภาพของเว็บไซต์ที่จะออกมาขึ้นอยู่กับผู้พัฒนา ถึงแม้ระบบพื้นฐานจะวางไว้ดีแล้ว แต่กว่า 70% ของประสิทธิภาพเว็บไซต์ ขึ้นอยู่กับการพัฒนาต่อยอดจากระบบเดิม
  • หากคุณต้องการเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพด้าน SEO ควรสอบถามก่อนว่าผู้พัฒนามีความเข้าใจในการ Optimize ด้าน SEO มากน้อยแค่ไหน
  • การใส่ Feature ที่หนักเกินไป หรือเกินความจำเป็น บางทีอาจทำให้ดูสวยงาม แต่ตามมาด้วยความหนักในการโหลด ก็อาจไม่ส่งผลดี จึงต้องชั่งน้ำหนักให้ดีระหว่างความสวยงามกับประสิทธิภาพด้านการเพิ่ม Organic Traffic หรือการทำการตลาดช่องทางอื่นๆ
  • การใช้ Plugin ที่เนอะเกินความจำเป็นอาจส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ได้ ทั้งด้านประสิทธิภาพ และความปลอดภัย
  • ระบบ WordPress รองรับการทำเว็บไซต์แบบ Responsive ดังนั้นควรวางแผนการออกแบบที่รองรับการแสดงผลทั้ง Desktop และ Mobile ตั้งแต่ต้น

ย้ายเว็บไซต์จาก Wix มา WordPress ได้ไหม

Wix กับ WordPress เป็นคนละระบบกัน ไม่สามารถ Migrate ข้ามผ่านกันได้ แต่สิ่งที่ทำได้คือการบอกผู้พัฒนา หรือเอเจนซี่ที่ให้บริการทำเว็บทราบว่าอยากได้ดีไซน์เหมือนเว็บไซต์ Wix เดิมเลย ผู้พัฒนาจะประเมินความเป็นไปได้ และดีไซน์ใหม่ทั้งหมดบน WordPress​ โดยอ้างอิงจากเว็บไซต์เดิม

สำหรับใครที่กำลังมองหาเจนซี่การตลาดออนไลน์ที่ดูแลเรื่องการพัฒนาเว็บไซต์ไปจนถึงการทำ SEO และโฆษณาบนช่องทางต่างๆ เพื่อให้เว็บไซต์สร้างยอดขาย ก็สามารถปรึกษากับทีมงานของ Pacy Media ได้เลย เรายินดีให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมาเพื่อประโยชน์ของธุรกิจคุณ

แชร์ความรู้นี้บน Social Media

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    Cookies Details

บันทึก