หลายคนที่เริ่มทำคอนเทนต์ออนไลน์หรือใช้บริการรับทำ SEO อาจเคยได้ยินเกี่ยวกับ Search Intent กันมาบ้าง แต่ว่ามือใหม่อาจจะยังไม่รู้จักหรือไม่เข้าใจว่า Search Intent คือ อะไร กันแน่และมีประโยชน์อย่างไรต่อการทำคอนเทนต์
ถ้าพูดถึง Search Intent แน่นอนว่าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์หา Keyword ที่ใช้ในการทำ SEO โดยการเข้าใจ Search Intent มีความสำคัญอย่างมากเพราะจะทำให้เรารู้จักผู้ค้นหาหรือผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น ผลิตคอนเทนท์ออกมาได้ตรงใจผู้อ่านมากขึ้น โดยเราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับ Search Intent กัน ในบทความนี้
Search Intent คืออะไร
Search Intent คือ เหตุผลหรือจุดประสงค์ของผู้ใช้งานที่เข้ามาทำการค้นหาบน Google หรือ Search Engine อื่นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะถูกแสดงออกมาผ่านคำค้นหาว่าผู้ใช้งานต้องการอะไร เช่น ต้องการซื้อสินค้า ต้องการเรียนอะไรบางอย่าง ต้องการเปรียบเทียบข้อมูล ต้องการค้นหาเพื่อตัดสินใจในบางเรื่อง
ในบางกรณีอาจใช้คำว่า User Intent หรือ Audience Intent แทนก็ได้เหมือนกัน โดย ในบทความนี้เราขอใช้คำว่า Search Intent
Search Intent มีความสำคัญอย่างไรกับการทำ SEO
เป้าหมายหลักของเครื่องมือค้นหา (Search Engine) เช่น Google ก็คือการแสดงผลลัพธ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับคำค้นหาของผู้ใช้มากที่สุด ดังนั้นการเข้าใจ Search Intent ของผู้ใช้แล้วนำมาปรับใช้ก็จะช่วยส่งผลให้อันดับในการทำ SEO ดีขึ้นจากการที่เราสามารถผลิตเนื้อหาบนเว็บไซต์ หรือเขียนบทความได้ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้กำลังค้นหา
กลับกันหากไม่เข้าใจ Search Intent แล้วทำคอนเทนต์ตามใจตัวเอง อันดับการทำ SEO ก็คงออกมาไม่ค่อยดี เนื่องจากไม่ตรงผู้สิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการค้นหา
ดังนั้นหากต้องการจะทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Google เราต้องแน่ใจว่าเนื้อหาของเราตอบสนองต่อ Search Intent ของผู้ใช้งานที่แสดงออกมาผ่านคำที่ใช้ในการค้นหาหรือที่เรียกว่า SEO Keyword โดยการที่เราเข้าใจ Search Intent จะช่วยเราดังนี้
- ช่วยในการวางกลยุทธ์เนื้อหาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการใช้ Keyword ที่มีความสอดคล้องกับ Search Intent ของผู้ใช้งานที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเรา
- ช่วยในการสร้างเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องมากขึ้น ให้ผู้ที่เข้ามาค้นหาได้คำตอบหรือข้อมูลที่ต้องการ โดยการทำความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานและสร้างเนื้อหาที่ตอบสนองความต้องการเหล่านั้น
- อันดับที่จะสูงขึ้นบนหน้าแสดงผลการค้นหา จากการสร้างเนื้อหาของเราให้มีความเกี่ยวข้อง มีคุณค่าและประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน
- เวลาเขียน Meta Tags ถ้าตรงกับ Search Intent ก็จะช่วยเพิ่ม CTR (Click Through Rate)
4 ประเภทของ Search Intent
แน่นอนว่าคนที่เข้ามาค้นหาบน Google นั้นมีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่แตกต่างกัน Search Intent จึงมีหลายประเภทแยกตามเป้าหมายในการค้นหาโดยมี 4 ประเภทหลักๆ
- Informational Search Intent: ค้นหาข้อมูลทั่วไป
- Navigational Search Intent: ค้นหาข้อมูลที่เจาะจงโดยผู้ที่ค้นหาค่อนข้างรู้เหรอว่าตัวเองต้องการอะไร
- Commercial Search Intent: ค้นหาเพื่อเปรียบเทียบหรือหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้า
- Transactional Search Intent: ค้นหาเพื่อต้องการซื้อหรือขายบางอย่าง
Informational Search Intent
Informational Search Intent หมายถึง ความต้องที่จะเรียนรู้หรือหาข้อมูลเกี่ยวกับบางสิ่งที่พวกเขาสนใจ โดยมักจะเป็นการถามถึง ใคร, อะไร, ที่ไหน, อย่างไร ยกตัวคำค้นหาที่เป็น Informational Search Intent ได้แก่ ใครคือสิงโต นำโชค, เซ็นทรัลลาดพร้าวอยู่ไหน, SEO คือ, วิธีเรียนภาษาญี่ปุ่น
Search Intent ประเภทนี้เป็น Search Intent ที่มีผู้ใช้งานค้นหาเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นในการทำ SEO จึงต้องมีการทำคอนเทนต์ที่เป็นการให้ข้อมูล จะช่วยให้ได้ประโยชน์ดังนี้
- จะสามารถช่วยในเรื่องของการมองเห็นของเว็บไซต์ที่มากขึ้น จากการเขามาดูคอนเทนต์ที่ให้ข้อมูล
- การสร้างความเชื่อมั่น การให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้ จะช่วยให้ดูมีความน่าเชื่อถือ และดูเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ
- โอกาสในการเปลี่ยนมาเป็นลูกค้า เมื่อผู้ใช้มาหาข้อมูลก็มีโอกาสที่จะสามารถพาผู้ใช้ไปยังหน้าอื่นๆ หรือนำเสนอสินค้าเพื่อสร้างโอกาสในการขายเพิ่ม
Navigational Search Intent
Navigational Search Intent หมายถึง จุดประสงค์ของผู้ใช้ที่ต้องการค้นหาบางอย่างที่เฉพาะเจาะจง โดยผู้ใช้จะรู้อยู่แล้วว่าต้องการค้นหาอะไร ยกตัวอย่างคำค้นหาจะเป็นพวกชื่อสินค้า ชื่อแบรนด์ เช่น KFC ใกล้ฉัน, Nike เซ็นทรัล, Facebook Login, Apple
อย่างที่เห็นในตัวอย่าง Navigational Search Intent มักจะมีชื่อแบรนด์อยู่ การกล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ในหน้าของคุณ อาจจะช่วยให้ตอบสนองต่อ Search Intent ประเภทนี้ได้
Commercial Search Intent
Commercial Search Intent หมายถึง จุดประสงค์ในการค้นหาข้อมูลสินค้าก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ โดยตัวอย่างจะเป็นประมาณ รีวิว เปรียบเทียบ เช่น Adidas กับ Nike อะไรดี, รีวิวเครื่องดูดฝุ่น, จักรยานที่ดีที่สุด, Netflix or Prime Video
ในหน้าแสดงผลการค้นหาของ Commercial Search Intent มักจะเป็นรีวิวอิสระของสินค้านั้นๆ จำนวนมากเพื่อให้ผู้ค้นหาใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อ เช่น หากค้นหาคำว่า “แว่นตาที่ดีที่สุด” ผลการค้นหาจะเต็มไปด้วยรีวิวแว่นตาจากเว็บไซต์ต่างๆ ก็จะยากที่จะทำให้หน้าสินค้าของเราที่ไม่ใช้การรีวิวติดอันดับ เพราะไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ
Transactional Search Intent
Transactional Search Intent มักจะเกิดเมื่อผู้ใช้รู้แล้วว่าเขาต้องการอะไร และมีการตัดสินใจที่จะซื้อสินค้าหรือบริการ ซึ่งสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการรู้จะเป็นสถานที่ซื้อ ราคา โปรโมชั่น ยกตัวอย่างเช่น Iphone 14 ราคา, ขายคอมพิวเตอร์, โปรโมชั่นกางเกงยีนส์, ซื้อเก้าอี้
การค้นหาด้วย Transactional Search Intent แสดงว่าผู้ใช้เริ่มมีความพร้อมในการซื้อสินค้าแล้ว ซึ่งจะเป็นโอกาสในขายสินค้าของเราได้ เช่นหากต้องการติดหน้าค้นหาในคำว่า iPhone 14 ราคา เราก็ต้องมั่นใจว่าในหน้านั้นเรามีเนื้อหาเกี่ยวกับราคา iPhone 14 ครบทุกรุ่น
ขั้นตอนการทำคอนเทนต์ SEO ให้ตรง Search Intent
เมื่อรู้แล้วว่า Search Intent คือ จุดประสงค์ในการค้นหาของผู้ใช้ มีด้วยกันทั้งหมด 4 ประเภท แล้วทีนี้เราจะมี วิธีเขียนบทความ SEO อย่างไรให้ตรงกับจุดประสงค์ของผู้ใช้ มาดูกัน
- ตรวจสอบ Search Engine Results Page
ตรวจสอบหน้า Google ว่า Keyword ที่ใช้ค้นหานั้นมี Search Intent แบบไหน โดยดูจากผลลัพธ์การค้นหาที่แสดงขึ้นมาว่าเกี่ยวข้องกับอะไร เป็น Search Intent ประเภทไหน เราก็จะสามารถทำคอนเทนต์ได้ตรงกับ Search Intent แล้ว เช่น ค้นหาคำว่า “พัทยา” ผลการค้นหาส่วนใหญ่เป็นข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว เราก็รู้แล้วว่าเป็น Informational Search Intent แล้วก็นำปรับคอนเทนต์ของเราให้เขากับ Search Intent นั้นเอง
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคอนเทนต์ตรงกับ Search Intent
สร้างคอนเทนต์ให้ดีและให้ตรงกับ Search Intent โดยต้องดูว่าคอนเทนต์นั้นเป็นประเภทไหน เหมาะกับการสร้างเป็นหน้าสินค้า หรือบทความ จากนั้นก็มาคิดหัวข้อว่าจะต้องทำคอนเทนต์ในรูปแบบไหน เช่น รีวิว, สอน, เปรียบเทียบ, ขั้นตอน หรือวิดีโอ เป็นต้น สุดท้ายเลยคือความเชี่ยวชาญในคอนเทนต์นั้น หรือ Expertise เพื่อให้เนื้อหาของเราแตกต่าง และน่าเชื่อถือ เช่น วิธีทำพิซซ่าใน 10 นาที
- ใช้เครื่องมือตรวจสอบ Keyword
หา Primary Keyword และ Secondary Keyword ที่จะใส่ไปในบทความ โดยมีทั้งคำหลักแบบสั้นๆ และคำที่เจาะจงที่มีความยาวหน่อยเช่นพวกคำถามที่พบบ่อย หรือ FAQ โดยอาจใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner เพื่อไปดูว่า Keyword แต่ละคำมีการค้นหาต่อเดือนเท่าไหร่
สรุป
Search Intent ก็คือจุดประสงค์ในการค้นหาของผู้ใช้งาน โดยจะแบ่งออกได้เป็น 4 ปรเภท แต่ละประเภทก็แสดงถึง จุดประสงค์ของผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน การวิเคราะห์ Search Intent จึงมีความสำคัญมาก หากเราทำคอนเทนต์ไม่ตรงกับ Search Intent ก็ยากที่จะติดอันดับในหน้าแรกๆ เราจึงต้องมองให้ออกว่า Keyword แบบนี้ผู้ใช้ต้องการอะไร เพื่อตอบสนองผู้ใช้งานและให้เว็บไซต์สามารถทำอันดับ SEO ขึ้นมาได้
แชร์ความรู้นี้บน Social Media