คำถามที่มักจะตามมาหลังจากเริ่มลงโฆษณา Google Ads คือ โฆษณาแสดงบ่อยแค่ไหน ทำไมทดลองค้นหาแล้วไม่เจอโฆษณาตัวเอง จำเป็นต้องเพิ่มงบโฆษณาอีกไหม ซึ่งคำตอบสามารถดูได้จากตัวเลข Search Impr. Share และยังต้องดูอีก 2 ตัวควบคู่กันไปด้วย นั่นคือ Search Lost IS (rank) และ Search Lost IS (budget)
Search Impr. Share คืออะไร
Search Impr. Share คือ อัตราส่วนการแสดงผลของโฆษณา ซึ่งจะดูตัวเลขเป็นเปอร์เซ็นต์ เทียบจำนวนครั้งที่โฆษณาของเราแสดง กับ จำนวนการค้นหาทั้งหมดที่โฆษณามีโอกาสที่จะแสดงได้ โดย Impr. ย่อมาจาก Impression หมายถึง การแสดงผลของโฆษณา
ในแต่ละ Keyword ที่ใช้ลงโฆษณา Google จะมีจำนวนการค้นหาที่ต่างกัน บางคำมีการค้นหาเยอะ บางคำมีการค้นหาน้อย ตัวอย่างในภาพด้านล่างเป็นจำนวนการค้นหาเฉลี่ยต่อเดือนในกลุ่มสินค้าเครื่องมือช่าง จะเห็นได้ว่าแต่ละคำจะมีจำนวนการค้นหาต่างกัน และหากดูกราฟสีฟ้าๆ ก็จะพบว่า ในแต่ละเดือน จำนวนการค้นหาก็ต่างกันด้วย
ตัวเลข Search Impr. Share จะอยู่ใน Google Ads เท่านั้น ในด้านการทำ SEO จะไม่มีตัวเลขนี้ เนื่องจาก SEO คือการทำให้ติดหน้าแรก Google แบบ Organic ซึ่งจะต่างกับ Google Ads ที่เรียกว่าเป็น Paid Search
ตัวอย่างการคำนวณ Search Impr. Share
จากข้อมูลจำนวนการค้นหาในภาพด้านบน ค้อนปอนด์ มีการค้นหาเฉลี่ยอยู่ที่ 3,600 ครั้งต่อเดือน นั่นคือโอกาสที่โฆษณาของเราจะแสดงได้ในแต่ละเดือน แต่หากเราลงโฆษณาไปแล้ว โฆษณาแสดงไป 3,000 ครั้ง อีก 600 ครั้งไม่แสดง Search Impr. Share ก็จะคำนวณได้โดย (3,000 ÷ 3,600) × 100 = 83.33% หมายความว่า อัตราการแสดงผลของโฆษณาใน Keyword ค้อนปอนด์ อยู่ที่ 83.33%
Search Impression Share สามารถเป็น 100% ได้ไหม
ตอบสั้นๆ คือ “ได้” เช่น ใน Keyword ค้อนปอนด์ ถ้าโฆษณาของเราแสดงเต็มๆ ทั้ง 3,600 ครั้ง Search Impr. Share ก็จะเท่ากับ 100% แต่หากถามว่าจำเป็นไหม ก็ต้องบอกว่า ไม่จำเป็น และขึ้นอยู่กับ Keyword เพราะมันมีปัจจัยอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลังตัวเลขนี้ ไม่ว่าจะเป็นงบโฆษณาที่ใช้ การประมูลราคา ไปจนถึงคุณภาพของโฆษณาและเว็บไซต์
ในมุมของงบโฆษณา ลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ ว่าหากมี Keyword สักคำที่มีการค้นหา 50,000 ครั้งต่อเดือน โดยปัจจุบันใช้งบโฆษณาอยู่ที่เดือนละ 10,000 บาท ได้ Search Impr. Share อยู่ที่ 50% ซึ่งหากคิดเร็วๆ ถ้าต้องการแสดง 100% ก็อาจต้องเพิ่มค่าโฆษณาอย่างน้อยเป็น 20,000 บาทต่อเดือน ยังไม่นับปัจจัยอื่นๆ เช่น การประมูล และคุณภาพโฆษณา ที่อาจส่งผลให้งบโฆษณาเพิ่มขึ้นไปอีก
ดังนั้น การลงโฆษณา Google Ads จึงต้องมีการวัดผล Conversion ควบคู่ไปด้วยเพื่อหาจุดที่เหมาะสมของแคมเปญ หากมีงบโฆษณา 10,000 บาทต่อเดือน และได้ผลลัพธ์ที่โอเคแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไล่ Search Impression Share ให้ไปจนถึง 100%
Search Impression Share ปกติอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์
อย่างที่อธิบายว่าขึ้นอยู่กับแต่ละ Keyword และไม่มีตัวเลขชัดเจนในการวัดเป็นผลสำเร็จ แต่หากพูดโดยทั่วไป
- ใน Keyword ที่มีการค้นหาปานกลางจะอยู่ประมาณ 70-80%
- ใน Keyword ที่มีการค้นหาต่ำก็จะอยู่ประมาณ 80-99%
- ใน Keyword ที่มีการค้นหาสูงจะอยู่ที่ 50-70%
- ใน Keyword ที่มีการค้นหาสูงและแข่งขันสูงมากก็สามารถที่จะอยู่ในช่วง 30-50% ได้เช่นกัน
ถึงตรงนี้น่าจะพอเห็นภาพแล้วว่าทำไมถึงการค้นหาโฆษณาตัวเองแล้วไม่เจอ นั่นเพราะโฆษณาส่วนใหญ่จะไม่ได้แสดงเต็ม 100% ของ Impression Share รวมถึงหากทดลองค้นหาโฆษณาตัวเองบ่อยๆ จะเป็นการทำให้คุณภาพของโฆษณาต่ำลงด้วยเช่นกัน (เหมือนมีคนค้นหาให้โฆษณาแสดง แต่ไม่คลิก CTR ก็จะต่ำลง)
น่าจะทราบกันแล้วว่าตัวเลข Search Impr. Share มาจากไหน ซึ่งในการลงโฆษณา Google จริงๆ ไม่จำเป็นต้องมานั่งคำนวณแบบนี้ เพราะใน Report จะมีตัวเลขขึ้นให้ดูได้เลย แต่แค่นี้ยังไม่เพียงพอต่อการทำความรู้จัก Search Impr. Share
การดู Search Impr. Share นั้นต้องดูคู่ไปกับ Search Lost IS (rank) และ Search Lost IS (budget)
Search Lost IS (rank) และ Search Lost IS (budget) คืออะไร
ย้อนกลับไปตอนที่พูดถึงการคำนวณตัวอย่าง ค้อนปอนด์ ที่มีจำนวนการค้นหาต่อเดือนเฉลี่ย 3,600 ครั้ง แต่โฆษณาของเราแสดง 3,000 ครั้ง เมื่อคำนวณแล้ว Search Impr. Share จะเท่ากับ 83.33% ซึ่งขอปัดเป็น 83% เพื่อความสะดวกในการคำนวณตัวอย่าง
Search Impression Share 83% หมายความว่า หากเทียบใน 100 ครั้งของการค้นหา โฆษณาของเราแสดง 83 ครั้ง อีก 17 ครั้ง โฆษณาไม่แสดง.. เป็นเพราะอะไร?
หาคำตอบง่ายๆ จากการดูตัวเลข Search Lost IS (rank) และ Search Lost IS (budget) เพราะอีก 17% ที่เหลือ จะมาอยู่ที่ตัวเลข 2 ตัวนี้
- Search Lost IS (rank) คือตัวเลขที่บอกว่า เหตุผลที่โฆษณาไม่แสดงจากปัจจัยด้าน Ranking คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์
- Search Lost IS (budget) คือตัวเลขที่บอกว่า เหตุผลที่โฆษณาไม่แสดงจากปัจจัยด้าน Budget คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์
IS ย่อมาจาก Impression Share
ในภาพด้านบน อีก 17% ที่เหลืออยู่ที่ Search Lost IS (rank) 5% และ Search Lost IS (budget) 12% ตัวเลข 2 ตัวนี้ บวกกับ Search Impression Share จะได้ 100% พอดีเป๊ะ หมายความว่าตัวเลขใน 100% ที่ส่งผลต่อการแสดงผลของโฆษณาก็จะวนๆ กันอยู่ในนี้ เมื่อตัวใดลดหรือเพิ่ม ก็จะไปส่งผลกระทบกับอีกตัว
การเพิ่ม Search Impression Share
หากเราต้องการเพิ่ม Search Impression Share วิธีที่สามารถแชร์ได้แบบเร็วๆ มี 3 ด้านด้วยกัน
- เพิ่มงบโฆษณาหรือ Budget วิธีนี้จะช่วยลด Search Lost IS (budget) ลงได้
- เพิ่ม Bidding หรือการประมูล จะช่วยลด Search Lost IS (rank) ลงได้
- เพิ่ม Quality Score จะช่วยลด Search Lost IS (rank) ลงได้
อีกหนึ่งกลยุทธ์ในการทำการตลาดบน Google แบบระยะยาวเพื่อเพิ่มโอกาสในการแสดงผลแบบโฆษณาไม่บานปลายคือการทำ SEO และ SEM คู่กันเพื่อเพิ่มโอกาสการแสดงผลทั้งแบบ Paid Search และ Organic Search
*ข้อควรระวัง อย่าลืมว่าตัวเลข 3 ตัวนี้มันจะกระทบกัน ซึ่งหากเราเพิ่ม Bidding อย่างเดียว ค่าคลิกหรือ CPC จะแพงขึ้น และหากเราไม่เพิ่มงบโฆษณา จำนวนคลิกที่จะได้รับก็จะน้อยลง ทำให้ Search Impression Share ไม่ได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นต้องลองวิเคราะห์ให้ดี ยังมีอีกหลายส่วนที่สามารถปรับได้ หากปรับงบโฆษณาและ Bidding ไปตรงๆ เลย อาจทำให้ต้นทุนแพงขึ้น ในขณะที่ Search Impr. Share ยังเท่าเดิม
สุดท้ายนี้ ระวังอย่าสับสนระหว่าง Search Impr. Share กับ Impr. (Top)% ซึ่งจะเป็นตัวบอกตำแหน่งโฆษณา ไม่ใช่อัตราการแสดงผล
ข้อมูลนี้ดีๆ แบบนี้แชร์จากประสบการณ์ทีม Google Ads ของ Pacy Media หากต้องการปรึกษาเพิ่มเติมหรือให้เราช่วยวิเคราะห์สามารถติดต่อสอบถามได้เลย
แชร์ความรู้นี้บน Social Media