Google Ads Report Parameters

Parameter พื้นฐาน

Parameter พื้นฐานในรีพอร์ทของเราคือตัวชี้วัดประสิทธิภาพของโฆษณาที่จะช่วยให้คุณเห็นการทำงานของโฆษณาในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านการแสดงผล การคลิก อันดับการแสดง และอีกมากมาย โดยหลักๆ จะประกอบไปด้วย

• Impressions หรือ Impr.: จำนวนครั้งที่โฆษณาแสดง
• Clicks: จำนวนคลิกที่เกิดขึ้นจากโฆษณา
• CTR (Click Through Rate): อัตราการคลิก เทียบต่อจำนวนครั้งที่โฆษณาแสดง เช่น หากโฆษณามี 100 Impressions และมีการคลิกเกิดขึ้น 20 Clicks ดังนั้น CTR จะเท่ากับ 20%
• CPC (Cost per Click): ค่าใช้จ่ายต่อการคลิกที่เกิดขึ้นบนโฆษณา เช่น หาก CPC = 10 บาท หมายความว่า การคลิกในครั้งนั้นมีค่าใช้จ่าย 10 บาท ทั้งนี้ CPC ของแต่ละคลิกจะไม่ได้เท่ากันทุกครั้ง เนื่องจากโฆษณา Google Ads เป็นระบบประมูลแบบ Real Time เราจึงต้องดูเป็น Average CPC หรือ Avg. CPC
• Avg. CPC: คือค่า CPC เฉลี่ย
• Impr. (Top)%: อัตราที่โฆษณาแสดงในส่วนบนของหน้าค้นหา Google (ตำแหน่ง 1-4) เช่น หาก Impr. (Top) คิดเป็น 80% หมายถึง ทุกๆ การแสดงโฆษณา 100 ครั้ง โฆษณาจะแสดงในตำแหน่งบน (1-4) 80 ครั้ง และอีก 20 ครั้ง แสดงตำแหน่งล่างของหน้า
• Impr. (Abs. Top) %: อัตราที่โฆษณาแสดงแสดงในตำแหน่งที่ 1 บนหน้าค้นหา Google เช่น หาก Impr. (Abs. Top) คิดเป็น 70% หมายถึงทุกๆ การแสดงโฆษณา 100 ครั้ง​โฆษณาจะแสดงในตำแหน่งที่ 1 ทั้งหมด 70 ครั้ง และอีก 30 ครั้ง แสดงบนตำแหน่งอื่นๆ
• Cost: ค่าโฆษณาโดยรวม

Parameter เกี่ยวกับส่วนแบ่งการแสดงผล

• Search Impr. Share: ส่วนแบ่งการแสดงโฆษณาของเรา โดยจะเทียบเป็น % เช่น หาก Search Impr. Share มีค่าเป็น 60% หมายความว่า เมื่อมีคนค้นหาเกี่ยวข้องกับ Keyword ที่เราเลือก 100 ครั้ง โฆษณาของเราแสดงบน Google 60 ครั้ง ซึ่งหมายความว่าอีก 40 ครั้งที่เหลือ โฆษณาของเราไม่แสดง โดยสาเหตุหลักๆ จะอยู่ที่ งบโฆษณา และ ค่าคลิกที่ประมูล ดังนั้นต้องดูที่ Search Lost IS (rank) และ Search Lost IS (budget) เพิ่มเติม
• Search Lost IS (rank): คือ ตัวเลขที่ช่วยบอกว่า Search Impr. Share ที่เราสูญเสียไปนั้น เกิดจากที่ค่าคลิกที่เราประมูลต่ำเกินไปหรือไม่เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
• Search Lost IS (budget): คือ ตัวเลขที่ช่วยบอกว่า Search Impr. Share ที่เราสูญเสียไปนั้น เกิดจากงบโฆษณาที่เราใช้อยู่ต่ำเกินไปหรือไม่เมื่อเทียบกับคู่แข่ง

หากยังสงสัย ลองมาดูตัวอย่างกันต่อได้เลย

วิธีการอ่านค่า Search Impression Share

จากภาพตัวอย่างด้านบน เห็นได้ว่า Search Impr. Share อยู่ที่ 33.71% หมายความว่า ทุกๆ การค้นหา 100 ครั้ง โฆษณาแสดงเพียง 33.71 ครั้งโดยเฉลี่ย แล้วที่เหลืออีก 66.29 หายไปไหน? ทำไมจึงไม่แสดง?

ก็ต้องมาดูต่อที่ Search Lost IS (rank) และ Search Lost IS (budget) เพื่อให้ทราบว่า ต้นเหตุที่ทำให้โฆษณาไม่แสดงถึง 66.29% มาจาก งบโฆษณาที่น้อยเกินไป หรือมาจากค่าคลิกที่เราประมูลต่ำเกินไป

ซึ่งในกรณีนี้ Search Lost IS (rank) มีค่าเท่ากับ 14.06% ในขณะที่ Search Lost IS (budget) มีค่าเท่ากับ 52.23% จะสังเกตได้ว่า 14.06 + 52.23 = 66.29 ซึ่งเท่ากับ 66.29% ที่โฆษณาไม่แสดง

Search Lost IS (rank) และ Search Lost IS (budget) จึงเป็นตัวบอกว่า อีก 66.29% ที่โฆษณาไม่แสดงนั้น 14.06% มาจากปัญหาเรื่องค่าคลิกที่ประมูลต่ำเกินไป และอีก 52.23% มาจากปัญหาเรื่องงบโฆษณาที่น้อยเกินไป

จำเป็นต้องปรับการประมูลและงบโฆษณาทันทีเลยหรือไม่

ตัวเลข 3 ตัวนี้ช่วยให้เห็นการแสดงผลของโฆษณาแบบกว้างๆ เท่านั้น เนื่องจากในการทำงานของระบบจริงๆ เราไม่สามารถนำตัวเลขเพียง 3 ตัวนี้มาบอกได้เลยทันทีว่า เราควรเพิ่มงบโฆษณาเลย หรือเราควรปรับการประมูลค่าคลิกให้สูงขึ้นเลย

เพราะหากปรับโดยทันที อาจส่งผลให้ค่าโฆษณาแพงเกินไป หรืองบโฆษณาหมดเร็วเกิน ดังนั้น ต้องดู Parameters และปัจจัยอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย จึงจะสามารถบอกได้ว่าควรปรับส่วนไหนเพิ่มก่อน และเพิ่มในจำนวนเท่าไหร่

นอกจากนี้ การที่จะเพิ่ม Search Impr. Share ให้เป็น 100% นั้น อาจจะต้องดูเรื่อง Search Volume หรือจำนวนการค้นหาใน Keyword นั้นๆ ด้วย เพราะ Search Impr. Share ก็ใช้หลักการเหมือนกับ Market Share ในการตลาดที่เราคุ้นเคย เช่น หากเราต้องการส่วนแบ่งการตลาดที่สูงขึ้น ย่อมต้องลงเงินโฆษณาในจำนวนที่สูงขึ้นเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น ซึ่งในบางสินค้าที่มีมูลค่าในตลาดสูงมาก หรือมี Search Volume สูงมาก การที่จะได้ 100% Search Impr. Share อาจต้องใช้งบโฆษณาอย่างน้อย 6-7 หลักต่อเดือน ดังนั้น หากเรามีงบโฆษณาประมาณ 5 หลัก การที่มี Search Impr. Share 20-50% ก็ถือว่าเป็นส่วนแบ่งทางตลาดที่สูงอยู่เหมือนกัน

ทั้งนี้เราอาจต้องลองดู Baseline ของธุรกิจตัวเองว่าในงบโฆษณานี้ Search Impr. Share จะอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งแต่ละธุรกิจก็จะมี Baseline ของตัวเอง ในแต่ละแคมเปญ ที่แตกต่างกัน