ถ้าคุณกำลังลองเริ่มทำ SEO ด้วยตัวเองอยู่ หรือใช้บริการกับเอเจนซี่รับทำ SEO แล้วอาจได้ยินเกี่ยวกับ Canonical และยังสงสัยอยู่ว่า Canonical Tag หรือ Canonical URL คืออะไร บทความนี้เราจะมาแชร์ข้อมูลแบบเข้าใจง่ายๆ พร้อมยกตัวอย่างการใช้งานจริง
การทำ Canonical คืออะไร ช่วยอะไรในด้าน SEO
ก่อนที่จะไปดูว่าหน้าตา Canonical Tag เป็นอย่างไร เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Canonical มีไปเพื่ออะไร
สรุปง่ายๆ เลย Canonical คือ การบอก Google หรือ Search Engine ต่างๆ ให้รู้ว่าหน้าไหนคือหน้าหลักที่ควรให้ความสำคัญ และหน้าไหนคือหน้ารองหรือหน้าที่อาจมีเนื้อหาซ้ำกับหน้าหลักซึ่งเราไม่อยากให้ความสำคัญขนาดนั้น
ยกตัวอย่างเช่น หน้า A พูดถึง “การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เชียงใหม่” ซึ่งเป็นหน้าหลักที่เราต้องการให้ Search Engine เก็บข้อมูลไปทำ Ranking โดยบนเว็บไซต์มีหน้า B ที่ก็พูดถึง “การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เชียงใหม่” เหมือนกัน แต่อาจคนละมุมมอง ซึ่ง Google อาจมองว่าเรามี 2 หน้าที่มีเนื้อหาซ้ำกัน หรือ Duplicate กัน ซึ่งจะไม่ดีต่อ SEO เราก็ควรใส่ Canonical Tag ที่หน้า B เพื่อชี้ไปยังหน้า A ซึ่ง Search Engine ก็จะเข้าใจเลยว่า หน้าที่ควรให้ความสำคัญคือหน้า A ไม่ใช่หน้า B
สำหรับใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้วยังไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับ SEO สามารถลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SEO คืออะไร ก่อนได้เลยเพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับการทำ Canonical มากขึ้น
การใช้งาน Canonical Tag
Canonical Tag จะเป็น HTML ที่จะอยู่ในส่วน <head> ของเว็บไซต์ โดยถ้าจะใส่ Canonical Tag ที่หน้า B เพื่อบอก Google ว่าหน้า A คือหน้าหลัก หน้าตา Canonical Tag ก็จะเป็นแบบนี้
<link rel="canonical" href="https://domain.com/page-a">ซึ่งทั้งบรรทัดในตัวอย่างด้านบนเรียกว่า “Canonical Tag” โดยลิงก์ URL ที่อยู่ใน href=”…” เรียกว่า “Canonical URL”
โดยถ้าเราใส่ Canonical URL เป็น https://domain.com/page-a แล้ววางโค้ด Canonical Tag นี้ไว้ที่หน้า B ก็จะทำให้ Google เข้าใจเลยว่า หน้า A คือหน้าหลัก ไม่ใช่หน้า B
การใส่ Canonical Tag บนเว็บไซต์
Canonical Tag บน WordPress
สำหรับใครที่ใช้งานเว็บไซต์ WordPress การใส่ Canonical Tag สามารถทำได้ผ่าน Plugin ต่างๆ เช่น Yoast SEO และ Rank Math ตามตัวอย่างในภาพด้านล่าง
Canonical Tag บนเว็บไซต์อื่นๆ
หากคุณใช้เว็บไซต์บนแพลตฟอร์มอื่น หรือเว็บไซต์สำเร็จรูป หรือพัฒนาด้วย Cutom Code ให้ลองถาม Developer ดูว่าสามารถใส่ Canonical Tag ของแต่ละหน้าได้ไหม หรือถ้าไม่ได้ อาจลองถามว่า ในแต่ละหน้า มี Field ให้ใส่ Code ในส่วนของ <head> ได้ไหม ซึ่งต้องดูให้ดีว่าเป็นการใส่เฉพาะหน้านั้นๆ ไม่ใช่ใส่แล้วไปขึ้น <head> ของทุกหน้าบนเว็บไซต์
ประโยชน์ของ Canonical Tag ในด้าน SEO
การทำ Canonical Tag อาจไม่ค่อยจำเป็นถ้าเว็บไซต์นั้นเน้นเรื่องการทำ PPC หรือ โฆษณา Pay Per Click เช่น Google Ads หรือ Social Media เป็นหลัก แต่หากต้องการเพิ่ม Organic Traffic ด้วยการทำ SEO การทำ Canonical ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก
- ป้องกันปัญหา Duplicate Content: ช่วยให้ Search Engine ไม่งงเมื่อมีหลาย URL ที่มีเนื้อหาซ้ำกัน
- ชี้เป้าความสำคัญไปที่ URL หลัก: หากมีหลาย URL ที่คล้ายกัน การทำ Canonical จะช่วยให้ค่า SEO Metrics ต่างๆ ชี้หรือส่งไปยังหน้าหลักหน้าเดียว
- ลดปัญหาการจับ URL หลายหน้าสลับกัน: ถ้ามีหลาย URL ที่เนื้อหาคล้ายกัน วันนี้อาจจับหน้า A อีกวันอาจจับหน้า B
- สามารถทำการ Index ได้ดีขึ้น: โดน Bot ไม่ต้องเป็นข้อมูลหน้าเว็บที่ซ้ำกัน
ข้อควรระวังเป็นอย่างยิ่งในการใช้ Canonical Tag
การใช้ Canonical Tag และ Canonical URL เป็นประโยชน์กับการทำ SEO แต่ก็มีสิ่งที่ต้องระวังเพราะถ้าใช้ผิดก็อาจส่งผลเชิงลบต่อ SEO มากกว่า
- ห้ามใช้หลาย Canonical Tag ในหน้าเดียวกัน เพราะ Google จะไม่รู้ว่าต้องเลือกอันไหนแน่
- ไม่ควรใช้ Canonical Tag โยงไปในหน้าที่มีเนื้อหาที่แตกต่างกันมากเกินไป เพราะจะทำให้ดูไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีคุณภาพ
- เช็คก่อนว่า Canonical URL ใช้งานได้จริง ไม่ควรชี้ไปที่หน้าที่ถูกบล็อกด้วย robots.txt หรือเป็นหน้า 404 Not Found
- ไม่ควรใส่ Canonical URL ไปที่หน้าที่ 301 Redirect ไปหน้าอื่น
- ไม่ควรใส่ Canonical URL ข้ามโดเมน
Canonical จำเป็นสำหรับการทำ Google Ads หรือเปล่า
หากเว็บไซต์ของคุณทำการตลาดผ่าน Google Ads อย่างเดียว ไม่ได้ทำ SEO เพิ่มเติม ก็อาจตอบได้ว่าไม่จำเป็น เพราะบริการรับทำ Google Ads จะเน้นไปในด้านการ Optimize ผลโฆษณา รวมถึงหน้า Landing Page ที่ใช้ลงโฆษณาเป็นหน้า ๆ ไป อาจไม่ได้ดูภาพรวมทั้งเว็บไซต์เหมือน SEO แต่หากคุณเริ่มมีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับการทำ Canonical บ้างแล้ว ทำเผื่อไว้ก็ไม่เสียหาย
สำหรับใครที่อ่านแล้วยังงงๆ อยากลองสอบถามทีมงาน SEO ของ Pacy Media ก็สามารถส่งลิงก์บทความนี้มาที่ Line OA: @pacymedia แล้วสอบถามได้เลย!
แชร์ความรู้นี้บน Social Media
