Search Marketing คือการทำการตลาดบนหน้าค้นหาบน Google, Bing, หรือ Yahoo ซึ่งในไทยจะคุ้นเคยกับ Google เป็นส่วนใหญ่ และในบทความนี้ เราจะพูดถึง Google เป็นหลัก ซึ่งเราสามารถใช้ประโยชน์ในการทำการตลาดจาก Search Engine แบบ Google ได้โดยทำให้เว็บไซต์แสดง เมื่อมีผู้ใช้ค้นหาด้วย Keyword ที่ตรงกับเนื้อหาบนเว็บไซต์ แต่ยังไม่หลายคนสงสัยว่า Google Ads กับ SEO แตกต่างกันอย่างไร? ทั้งคู่ก็คือการทำเว็บไซต์ให้ติดหน้า Google เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ในบทความนี้เราจะมาหาคำตอบกัน
เมื่อผู้ใช้เริ่มทำการค้นหา เว็บไซด์ต่างๆ มากมายก็จะแสดงขึ้นบนหน้าผลค้นหา หรือเรียกว่า SERP (Search Engine Results Page) จากการวิจัยที่ผ่านมาพบว่าเว็บไซต์ไหนที่ขึ้นบนหน้า SERP บ่อย ก็จะมีผู้ใช้เข้ามาในเว็บไซต์มากขึ้นด้วย แต่คำถามคือ เราจะให้เว็บไซต์ไปขึ้นบนหน้าค้นหาได้อย่างไร? นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ Search Marketing มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เว็บไซด์ขึ้นอยู่บนหน้าแรกๆ
Search Marketing สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท
ในทุกๆ วันมีคนค้นหาบน Google เป็นล้านครั้ง ทั้งบนมือถือ และคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น ค้นหาร้านอาหาร สินค้า หรือบริการ ที่กำลังสนใจ นี่คือโอกาศของผู้ที่ทำธุรกิจทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ เพียงแค่ต้องทำให้เว็บไซต์ของคุณแสดงผลบนหน้าค้นหา ซึ่งจะมี 2 ประเภทหลักๆ
- SEO (Search Engine Optimization) คือการที่เว็บไซต์ขึ้นบนหน้าค้นหาโดยธรรมชาติ ไม่ต้องเสียเงินให้ Google แต่เสียค่าบริการให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO เพื่อดันอันดับเว็บไซต์ขึ้น
- PPC (Pay-per-click หรือ AdWords) คือการที่เว็บไซต์ขึ้นในรูปแบบของการโฆษณา และมีการเก็บเงินเมื่อมีคนคลิกเข้าไปชมเว็บไซต์
ทีนี้คุณน่าจะเริ่มเห็นภาพแล้วว่า Google Ads กับ SEO แตกต่างกันอย่างไร ซึ่ง
1. SEO (Search Engine Optimization)
หลังจากที่ผู้ใช้ทำการค้นหาบน Google รายชื่อเว็บไซต์ที่แสดงบนหน้าค้นหา (ผลค้นหาที่อยู่ในกรอบสีฟ้าตามภาพด้านบน) เรียกว่า Organic Result ซึ่งจะแสดงด้านล่างเว็บไซต์ที่ขึ้นในรูปแบบของโฆษณา AdWords หรือ PPC ซึ่งผลการค้นหาในส่วนนี้ Google จะเป็นผู้เลือกให้ขึ้นมาแสดง
Google ค้นหาเว็บไซต์เพื่อมาแสดงผลบนหน้าแรกโดยการรวบรวมข้อมูลต่างๆ บนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหา บทความ หัวข้อ รูปภาพ หรือไฟล์ต่างๆ รวมถึง Meta Tags ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโค้ดบนเว็บไซต์ โดยจะคอยดูว่าเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาตรงกับคำค้นหานั้นๆ หรือไม่ หากเว็บไซต์ของคุณแสดงแต่ไม่มีใครคลิกเลย Google ก็จะบันทึกไว้ว่าเว็บไซต์ของคุณไม่ตรงกับคำค้นหานั้น ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดนี้จะประมวลผลโดย Algorithms ที่ซับซ้อนมาก
หากคุณต้องการ ทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพ เราแนะนำให้คุณสร้างคอนเทนต์เป็นประจำ โดยใช้ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการ วัดผล และปรับปรุงคอนเทนต์ให้ดึขึ้น รวมถึงปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้ง่ายต่อการใช้งาน ทั้งด้านการเขียนโค้ดและดีไซน์ เพื่อให้ผู้ใช้ที่เข้ามาอ่าน แชร์เว็บไซต์ของคุณออกไป เพราะยิ่งมีการแชร์มากเท่าไหร่ เว็บไซต์ก็จะได้รับคะแนนคุณภาพเพิ่มขึ้นเท่านั้น
การทำ SEO จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5-6 เดือนในการให้เว็บไซต์ขึ้นมาบน หน้าแรก Google ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ต้องขยันที่จะปรับปรุงหน้าเว็บไซต์และเนื้อหาอยู่เป็นประจำ ควรนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์อย่างละเอียดเพื่อวัดผลและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หากท่านใดต้องการให้เราช่วยเหลือเกี่ยวกับการทำ SEO สามารถติดต่อทีมงาน Pacy Media ได้ครับ
สำหรับใครที่รู้ตัวว่าไม่ชอบรอ ต้องการเรียก Traffic เข้าเว็บไซต์จากหน้า Google ทันทีในระเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง สามารถทำใช้วิธีที่ 2 คือ Google Ads หรือการลงโฆษณานั่นเอง
2. โฆษณา PPC หรือ Google AdWords
เป็นการลงโฆษณาบนหน้าค้นหากับ Google โดยตรง คุณสามารถเลือก Keyword ได้ตามต้องการ สร้างคำโฆษณาได้เอง ปรับเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ และวัดผลได้ตลอด โดยที่ Google จะคิดเงินต่อเมื่อมีคนคลิกบนโฆษณาเท่านั้น เช่น คลิกละ 3 บาท 5 บาท หรือ 10 บาท (ขึ้นอยู่กับจำนวนการแข่งขันของ Keyword ณ เวลานั้นๆ) วิธีนี้จะคล่องตัวต่อการทำธุรกิจในปัจจุบันเป็นอย่างมาก
ทำไมจึงคล่องตัว? ลองดูตัวอย่างง่ายๆ หากคุณให้บริการเช่ารถที่จังหวัดเชียงราย และมีโปรโมชั่นพิเศษในช่วงปีใหม่ โดยให้ส่วนลด 5% ในช่วงวันคริสต์มาส และเพิ่มส่วนลดเป็น 10% ในช่วงปีใหม่ ซึ่งคุณต้องการให้ลูกค้าที่เข้ามาค้นหาเห็นโปรโมชั่น 5% และ 10% ในแต่ละช่วงเวลา หากคุณทำ SEO อย่างเดียว อาจจะไม่ตอบโจทย์ เพราะการเปลี่ยน Title หน้าเว็บไซต์ต้องใช้เวลานาน และรออีกหลายเดือนกว่าจะเริ่มติดหน้าแรก Google อีกครั้ง แต่หากคุณทำ Google AdWords คุณสามารถเปลี่ยนคำโฆษณาได้ทันที ตามระยะเวลาที่ต้องการ โดยใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง คำโฆษณาใหม่ก็เริ่มให้งานได้ทันที
อีกประโยชน์หลักๆ ของ AdWords คือ หากช่วงไหนเป็น Low Season โดยทางร้านต้องการลดงบโฆษณา ก็สามารถปรับได้ตามต้องการ เช่นเดียวกับช่วย High Season ทางร้านก็สามารถเพิ่มงบโฆษณาได้ทันที
แชร์ความรู้นี้บน Social Media