ถ้าคุณกำลังทำธุรกิจอยู่ โดยเฉพาะ SME คุณแทบจะต้องทำทุกอย่างในบริษัท ตั้งแต่ดูเรื่องสินค้า วัตถุดิบ การผลิต บริหารเรื่องคน การตลาด บัญชี ไปจนถึงการขาย ซึ่งการทำทุกอย่างก็เป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้เจ้าของธุรกิจได้เรียนรู้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนเราไม่ได้เก่งและถนัดไปซะทุกเรื่อง เมื่อเวลาผ่านไป มันจะทำให้เราเหนื่อยเกินตัว ส่งผลให้งานออกมาไม่มีประสิทธิภาพ
การบริการเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าคุณมัวแต่ใช้เวลาไปกับกิจกรรมไม่มีประโยชน์ หรือกิจกรรมที่คุณไม่ได้เชี่ยวชาญจริงๆ จะทำให้คุณเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์กับสิ่งที่ไม่ได้เพิ่มคุณค่าให้กับธุรกิจเลย
ทีนี้มาลองแบ่งกิจกรรมในแต่ละวันตามความสำคัญของงานดูดีกว่า..
- Investment Activities (งานเกรด A) คืองานที่หากเราทุ่มเวลากับมัน ใส่ใจในคุณภาพ ธุรกิจจะสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด หรือผลลัพธ์จะออกมาเป็นกราฟ Exponential Growth
- เช่น การวางกลยุทธ์องค์กร การวางแผนการเจาะตลาด
- ควรใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่กับงานแบบนี้ ปิดมือถือ เลิกแชท ใช้สมาธิกับมันให้มากที่สุด
- Neutral Activities (งานเกรด B) คืองานที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ แต่ใช้เวลานานกับงานประเภทนี้ไม่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด
- เช่น การเข้าประชุม การลงข้อมูลประจำวัน
- จำเป็นต้องทำ ไม่ควรใช้เวลาเยอะจนเกินไป
- Optimize Activities (งานเกรด C) คืองานที่นอกจากจะใช้เวลามากๆ ก็ไม่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดแล้ว ยังทำให้เสียเวลาไปกับการทำอย่างอื่นที่จะสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจอีกด้วย
- เช่น งานเดินเอกสารต่างๆ
- ทำให้เร็วที่สุด อย่างเสียเวลากับงานแบบนี้มาก
เริ่มเห็นภาพหรือยังครับ.. หน้าที่ของเจ้าของธุรกิจคือการใช้เวลากับ งานเกรด A ให้มากขึ้น และบริหารเวลาสำหรับ งานเกรด B ไม่ให้ใช้เวลาจนมากเกินไป ส่วนงานเกรด C ทำให้เร็วที่สุด ถ้าหากคนทำแทนได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ
สำหรับงานเกรด A และ B ใช่ว่าเจ้าของธุรกิจควรจะลุยเองทั้งหมด มันก็ยังมีงานบางประเภทที่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น การจัดหาพนักงาน งานด้านบัญชี งานด้านโฆษณาและการตลาด หากคุณรู้ว่างานนั้นเป็นงานที่ตัวเองไม่ถนัด ให้หาผู้ที่เชี่ยวชาญ หรือบริษัทที่มีประสบการณ์เข้ามาดูแลทันที โดยเอาเวลาที่เหลือมาคิดกลยุทธ์ วิเคราะห์ตลาดและคู่แข่ง วางแผนในการแข่งขัน แล้วโยนโจทย์ไปให้ทีมอื่นทำจะดีกว่า คุณมีหน้าที่วัดผล และ Action Plan ในขั้นตอนต่อๆ ไป แบบนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจได้ดีมาก
เริ่มปรับใช้ในการทำงาน
เมื่อไปเริ่มทำงานในแต่ละวัน ลิสต์สิ่งที่ต้องทำออกมาเลย แล้วใส่ A, B, C กำกับไว้ข้างหน้างานแต่ละอย่าง แล้วค่อยมาลองดูว่าคุณจะให้เวลากับงานนั้นๆ ขนาดไหน โดยจำนวนเวลาที่ให้ก็ควรจะเป็น A > B > C เช่น A 4 ชม. B 3 ชม. และ C 1 ชม. หากทำไปสักระยะคุณเห็นว่ามีงาน B หรือ C ที่ยังใช้เวลามากเกินไป ให้รีบถามตัวเองเลยว่า ใช้เวลากับมันมากแล้วได้อะไรกลับมา? คุ้มไหม? เกิดประโยชน์ไหม? หากคำตอบคือ “ไม่” ให้ลองแก้ไขทันที เพราะคุณอาจกำลังเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรเลยก็ได้
ลองทำแบบนี้ทุกเช้า แล้วคุณจะเห็นเลยว่าตอนนี้คุณบริหารเวลาตัวเองดีแค่ไหน จากนั้นค่อยๆ ปรับให้เวลาส่วนใหญ่ไปลงกับงานเกรด A และ B แล้วธุรกิจจะไปได้ไกล
NEXT STEP
หากคุณเป็นผู้ประกอบการ ผ่านการตลาด หรือเจ้าของแบรนด์ ที่กำลังมีปัญหาเรื่องการทำการตลาดและโฆษณาออนไลน์ ต้องการมีทีมงานเข้ามาช่วยดูแล ให้คำปรึกษา ติดต่อเรา เพื่อหาคำตอบว่าเราสามารถช่วยคุณได้อย่างไร หรือเรียนรู้ เกี่ยวกับเรา เพิ่มเติม
แชร์ความรู้นี้บน Social Media